วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

มะม่วง




    
              มะม่วง เป็นผลไม้ที่ผู้คนนิยมบริโภคตลอดปี   มะม่วงนอกจากจะนำมารับประทานได้หลายรูปแบบแล้วยังเป็นไม้ยืนต้นที่ให้ร่มเงา ได้เป็นอยางดี ส่วนอื่นๆ ก็นำมาใช้ประโยชน์ได้ อาทิ ใบ ดอกมะวม่วง มีวิตามินเอและซีสูง และยังมีสารอาหารอื่นๆ อีก เรียกได้ว่า มะม่วงลูกหนึ่งมีสารอาหารเกือบครบเลยทีเดียว  และมะม่วงยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรอีกด้วย

สรรพคุณทางยาสมุนไพร

เมล็ดสด ๆ  นำมารับประทาน หรือนำมาโรยเกลือ รับประทานเพื่อขับปัสสาวะหรือแก้บวมน้ำ เนื้อในเมล็ดใช้แก้ท้องร่วง
ผลมะม่วง นำมาคั้นรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะหรือร้อนใน แก้คลื่นไส้ แก้บิดถ่ายเป็นเลือด และใช้เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร
ใบมะม่วง นำมาพอประมาณต้มรับประทานแก้ซางตานขโมยในเด็ก แก้ลำไส้อักเสบ หรือใช้ใบสดๆ ตำพอกบริเวณที่เป็นแผลสด จะเป็นยาสมานแผลสดได้ดีที่เดียว
เปลือกลำต้นมะม่วง ใช้เปลือกสดๆ มาต้มรับประทานเป็นยาแก้โรคคอตีบ เยื่อปากอักเสบ จมูกอักเสบ


คุณค่าทางอาหารของมะม่วง
มะม่วงเป็นผลไม้ที่ทานได้ทั้งดิบและสุก แต่การรับประทานมะม่วงสุก จะพบว่ามีปริมาณพลังงานที่ค่อนข้างสูงกว่ามะม่วงดิบ  โดยมะม่วงสุกหนึ่งผล จะทำให้พลังงานประมาณ120-160 กิโลแคลอรี่ มะม่วงมีสารต้านอนุมูลอิสระที่หลากหลายคือมะม่วงขนาดกลางหนึ่งผล มีปริมาณวิตามินเอประมาณ1ใน4 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการ และมีวิตามินซีและอี ร้อยละ 76 และ  9 ตามลำดับ 
            วิตามินทั้งสามชนิดนี้ มีหน้าที่ในร่างกายหลายประการ โดยเฉพาะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งเมื่อมีครบทั้งสามชนิด จะทำให้มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าการได้รับวิตามินตัวใดตัวหนึ่งเดี่ยวๆ นอกจากนี้วิตามินทั้งสามยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเสริมและบำรุงเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายไม่ให้เกิดความชราก่อนวัยอันสมควร  ในเนื้อมะม่วงยังมีวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆอีกที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี วิตามินเค โพแทสเซียม ทองแดง และโปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นปกติ ช่วยในการเผาผลาญอาหาร เพื่อให้เกิดพลังงานสำหรับใช้ในกิจกรรมประจำวันต่างๆ หากขาดสารอาหารเหล่านี้  อาจทำให้การเผาผลาญอาหารผิดปกติ เกิดการสะสมกลายเป็นไขมันได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น